พระเจ้าอยู่กับมนุษย์เสมอ

หนังสือปฐมกาลเป็นหนังสือที่แปลกประหลาดและไม่มีใครสามารถสงสัยได้ เนื้อหาไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นด้วยประวัติศาสตร์แห่งการทรงสร้างและคำพยากรณ์ที่ล้ำยุคและเกิดขึ้นจริงมากมาย สำหรับข้อความนี้ฉันจะดูที่ปฐมกาล 1:27 ซึ่งกล่าวว่า "และพระเจ้าพระเจ้าได้ทรงปั้นมนุษย์ด้วยผงคลีดินและระบายลมปราณแห่งชีวิตเข้าทางจมูกของเขา และมนุษย์ก็กลายเป็นจิตวิญญาณที่มีชีวิต” ร่างกายของมนุษย์นั้นแท้จริงแล้วเป็นก้อนฝุ่นที่แกะสลักซึ่งไม่มีชีวิต กิจกรรม ความรู้สึกหรือการตัดสิน จนกว่าลมหายใจแห่งชีวิตจะเข้ามาในตัวเขาจากพระเจ้า ลมหายใจแห่งชีวิตนี้มีอยู่ในมนุษย์และกระตุ้นร่างกายมนุษย์ทั้งหมดให้มีชีวิตขึ้นมา อดัมเป็นชายคนแรกที่ได้รับลมแห่งชีวิตเพื่อเริ่มต้นกระบวนการทางชีววิทยาที่นำไปสู่การสร้าง บัดนี้ลมปราณแห่งชีวิตอยู่ในเลือด เลวี.17:11 กล่าวว่า เพราะชีวิตของเนื้อหนังอยู่ในเลือด ดุสิตด้วย. 12:23 อ่านว่า “แต่ให้แน่ใจว่าท่านไม่กินเลือด เพราะเลือดเป็นชีวิต และเจ้าจะกินชีวิตพร้อมกับเนื้อไม่ได้”

ชีวิตอยู่ในสายเลือด และเมื่อคนเสียเลือด ลมปราณแห่งชีวิตก็หายไป นี่แสดงให้เราเห็นว่าพระเจ้าเมื่อพระองค์ประทานลมปราณแห่งชีวิต ทรงสถิตอยู่ในพระโลหิต เกี่ยวข้องกับออกซิเจนจากพระเจ้า เมื่อเลือดที่เรามองเห็นได้ไหลออกจากตัวบุคคล ลมหายใจแห่งชีวิตก็ไหลไปตามนั้น ลมหายใจแห่งชีวิตนี้ พระเจ้าสร้างให้อยู่ในเลือดเท่านั้น โรงงานแห่งหนึ่งไม่สามารถผลิตเลือดหรือลมหายใจแห่งชีวิตได้ อำนาจทั้งหมดเป็นของพระเจ้า เลือดที่ปราศจากลมหายใจแห่งชีวิตก็เป็นเพียงฝุ่นธุลี ลมปราณแห่งชีวิตกระตุ้นกิจกรรมทั้งหมดที่ประกอบขึ้นเป็นชีวิต และหากพระเจ้าตรัสถึง การกระทำทั้งหมดก็จะยุติลง และร่างกายจะกลับเป็นผงธุลีจนกว่าจะฟื้นคืนชีพหรือการแปล ลมหายใจแห่งชีวิตให้ความอบอุ่นแก่เลือด: ร่างกายสร้างกิจกรรมต่างๆ และเมื่อลมหายใจแห่งชีวิตนี้หมดไป ทุกสิ่งก็เย็นชา ลมหายใจนี้มาจากพระเจ้าผู้สูงสุด แต่พระองค์ยังทรงแสดงพระองค์ต่อผู้แสวงหาที่แท้จริงทุกคนด้วยพระเมตตาและพระคุณของพระองค์

อดัมปล่อยพระเจ้าลงในสวนเอเดน ซึ่งเป็นสวนที่พระเจ้าได้ทรงปลูกไว้ เมื่อพระเจ้าสร้างสิ่งหนึ่ง พระองค์ทรงทำให้มันสมบูรณ์แบบ สวนเอเดนนั้นสมบูรณ์แบบไม่มีบาป สิ่งมีชีวิตเหล่านี้เข้ากันได้ดี แม่น้ำที่สวยงาม ยูเฟรติสเป็นแม่น้ำสายหนึ่ง ลองนึกภาพว่าแม่น้ำสายนี้อายุเท่าไหร่และยังคงเป็นพยานว่าบางครั้งมีสวนเอเดน ดังนั้นหนังสือปฐมกาลจะต้องถูกต้อง ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็จะต้องมีผู้สร้างที่เริ่มต้นมันทั้งหมด พระเจ้าแสดงสิ่งนี้แก่บุคคลผู้เผยพระวจนะและบอกให้เขาจัดทำเป็นเอกสารสำหรับมนุษยชาติ

ปฐก. 1:31 พระเจ้าทอดพระเนตรทุกสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง และดูเถิด ดียิ่งนัก และสดุดี 139:14-18 “เพราะว่าข้าพเจ้าถูกสร้างมาอย่างน่าพิศวง ข้าพเจ้าถูกสร้างมาในที่ลี้ลับ ส่วนต่ำสุดของโลก
พระเจ้าทำให้ทุกสิ่งสมบูรณ์แบบ พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ในที่ลับตามการเปิดเผยที่พระเจ้าประทานแก่กษัตริย์ดาวิด อาดัมถูกทำให้ซ่อนเร้นและถูกพาไปยังสวนเอเดนของพระเจ้า ปฐก. 2:8 และทรงวางชายที่พระองค์ทรงปั้นไว้ที่นั่น พระเจ้าสัตย์ซื่อและทรงเปิดเผยความลับของพระองค์แก่ผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของพระองค์ พระองค์ทรงแสดงแผนการและอำนาจของพระองค์แก่ประชาชนของพระองค์หากพวกเขาปฏิบัติตามพระองค์และพระวจนะของพระองค์ โปรดจำไว้ว่า ปฐมกาลเป็นหนังสือที่เปิดเผยจุดเริ่มต้นของสิ่งต่าง ๆ แก่เรา

ในปฐมกาลยอห์น 1:1 และ 14 เป็นพระวจนะ และพระวจนะนั้นอยู่กับพระเจ้า และพระวจนะนั้นเป็นพระเจ้า และพระวจนะนั้นก็ได้เกิดเป็นเนื้อหนัง” ผู้เผยพระวจนะบอกโดยการเปิดเผยว่าเหตุใดพระวจนะจึงจะกลายเป็นเนื้อหนัง เมื่ออาดัมทำบาป การพิพากษาของพระเจ้าก็มาถึงมวลมนุษยชาติ ปฐมกาล 2:17 “เพราะว่าในวันที่เจ้ากินเจ้าจะต้องตายแน่” อาดัมและเอวาไม่เชื่อฟังพระเจ้า และความตายมาถึงมวลมนุษยชาติ และขัดขวางความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า และระหว่างสิ่งมีชีวิตที่อาดัมตั้งชื่อไว้กับมนุษย์ งูถูกสาป ผู้หญิงถูกสาป พื้นดินถูกสาปให้ผู้ชายไถนา แต่ผู้ชายไม่ได้สาปแช่งโดยตรง พระเจ้าได้วางความเป็นศัตรูระหว่างพงศ์พันธุ์พญานาคกับพงศ์พันธุ์ของสตรี (อีฟ) พระคริสต์ เมล็ดพันธุ์นี้ไม่ได้เกิดจากมนุษย์ แต่เกิดจากการที่พระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาบนหญิงพรหมจารี นี่คือการทำสงครามเพื่อฟื้นฟูทุกสิ่งที่อดัมสูญเสียไป เหตุผลที่คำนั้นกลายเป็นเนื้อหนัง ในกาลเริ่มต้น พระเจ้าได้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดิน เขาถูกเรียกว่าพระเจ้าเมื่อพระองค์ทรงสร้าง แต่ในปฐมกาล 2:4 หลังจากที่พระองค์ทรงสร้างเสร็จแล้ว ในวันที่เจ็ด พระองค์ทรงชำระให้บริสุทธิ์ เพราะในนั้นพระองค์ทรงพักผ่อนจากงานทั้งหมดของพระองค์
นับจากนั้นเป็นต้นมา พระองค์ไม่ได้เป็นเพียงพระเจ้า แต่เป็นพระเจ้า เขายังคงเป็นพระเจ้าในการอ้างอิงจนกว่าพระองค์จะทรงส่งมนุษย์ออกจากสวนเอเดน พระเจ้าไม่เคยใช้พระเจ้าอีกเลยจนกระทั่งการเปิดเผยออกมาจากอับราฮัมเมื่อเขาทูลวิงวอนพระเจ้าเกี่ยวกับพงศ์พันธุ์ (บุตร) ใน ปฐมกาล 15:2 พระเจ้าไม่มีคณะกรรมการในสวรรค์เมื่อพระองค์ทรงสร้างสิ่งต่างๆ พระองค์ทรงทราบว่าพระองค์ทรงทำอะไรและสิ่งที่ทรงสร้างทั้งหมดของพระองค์สามารถทำได้ เขารู้ว่าซาตานจะทำอะไร มนุษย์จะทำอะไร และจะช่วยมนุษย์อย่างไร พระเจ้าไม่เคยยอมแพ้มนุษย์ เขาพยายามหลายครั้งเพื่อช่วยมนุษย์ หลังจากการล่มสลายของอาดัม พระองค์ทรงส่งทูตสวรรค์ไป ไม่ได้ผล พระองค์ทรงส่งผู้เผยพระวจนะไปใช้งานไม่ได้ ในที่สุดพระองค์ก็ส่งพระบุตรองค์เดียวที่ถือกำเนิดของพระองค์ เขารู้ว่างานจะต้องเสร็จสิ้นเพื่อนำมนุษย์กลับคืนสู่พระเจ้า แต่ด้วยเลือดที่ปราศจากบาป พระโลหิตของพระเจ้าเองต้องแลกด้วยเลือด ที่ไม้กางเขนแห่งคัลวารี เชื้อสายของหญิงนั้นเอาชนะเชื้อสายของพญานาคได้ และพระโลหิตของพระเยซูคริสต์หยุดภัยพิบัติแห่งความตายของมนุษย์ สำหรับผู้ที่จะเชื่อพระกิตติคุณ
จำไว้ว่าพระเจ้าเสด็จมาและทรงอยู่บนโลกนี้ท่ามกลางมนุษย์เสมอ ในปฐมกาล 3:8 “และพวกเขาได้ยินเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าเดินอยู่ในสวนในเวลาเย็น” พระเจ้าอยู่ทุกหนทุกแห่งที่เฝ้าดูและเดินอยู่ พร้อมที่จะพูดคุยกับคุณ คุณอยู่ที่ไหน ท่านกำลังทำอะไรอยู่ อยู่นิ่งๆ แล้วท่านจะได้ยินพระองค์ พระองค์อยู่ไม่ห่างจากท่าน พระองค์ผู้สถิตในท่านยิ่งใหญ่กว่าผู้ประทับในโลก ชายอีกคนหนึ่งทำงานร่วมกับพระเจ้าและเขาไม่สามารถปล่อยให้พระองค์แก่ชราได้ เขาเป็นคนหนุ่มสาว ซึ่งมีอายุเพียง 365 ปีเมื่อมนุษย์เคยมีชีวิตอยู่มานานกว่า 900 ปี ฮีบ. 11:5 อ่านว่า “โดยความเชื่อ เอโนคแปลว่าเขาไม่ควรเห็นความตาย และหาไม่พบเพราะพระเจ้าได้ทรงแปลเขาแล้ว เพราะก่อนการแปลเขามีคำพยานว่าพระองค์ทรงพอพระทัยพระเจ้า

โนอาห์เป็นชายอีกคนหนึ่งที่ทำงานกับพระเจ้า พระเจ้าตรัสกับเขาเกี่ยวกับแผนการของพระองค์ที่จะพิพากษาโลกในสมัยของพระองค์ พระองค์ทรงสั่งสอนเขาว่าต้องทำอย่างไร วิธีสร้างหีบ อะไรให้เข้าไปในนาวา และที่สำคัญกว่านั้นคือการเตือนประชาชน โดยไม่ต้องสงสัยในใจของฉัน โนอาห์ต้องเตือนผู้คนแล้ว แต่มีเพียงแปดคนเท่านั้นที่รอด ทุกวันนี้ผู้คนคิดว่าพระเจ้าจะลำเอียง ไม่เช่นนั้น พระองค์จะบ่อนทำลายความชอบธรรมของพระองค์เอง ลองนึกภาพตัวเอง ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร และตรวจสอบสถานการณ์ของโนอาห์และสถานการณ์ของคุณเอง เขามีพี่น้อง ญาติ หลานชาย น้าอา น้าสะใภ้ เพื่อน คนงาน รวมทั้งคนที่ช่วยเขาสร้างนาวาด้วย วันนี้งานแปลกำลังจะมาและหลายคนที่เราเทศน์ถึง สมาชิกในครอบครัว เพื่อน เพื่อนร่วมงาน ฯลฯ อาจไม่สามารถทำได้ น่าตกใจที่เห็นว่าสัตว์และสิ่งมีชีวิตจำนวนมากได้รับเลือกจากพระเจ้าให้เข้าไปในนาวา ผู้ที่ได้รับเลือกพบทางไปยังนาวา สิ่งมีชีวิตและมนุษย์ทั้งหมดอยู่ในความสงบ พระเจ้ายิ่งใหญ่ อ่าน, เย. 7:7-16.
พระเจ้าทำงาน สนทนา และดำเนินกับอับราฮัม ระหว่างทางไปพิพากษาเมืองโสโดมและโกโมราห์กับอับราฮัมร่วมกับทูตสวรรค์สององค์ พวกเขาเป็นชายสามคน แต่อับราฮัมหันไปหาคนหนึ่งในนั้นและเรียกเขาว่าพระเจ้า อ่าน ปฐมกาล 18:1-33 แล้วคุณจะเห็นว่าพระเจ้าไม่ได้ปิดบังปัญหาจากอับราฮัม ดูความใกล้ชิดที่นี่ พระเจ้าที่นี่ตรัสกับอับราฮัม และเรียกตัวเองว่า "เรา" อับราฮัมมีอำนาจกับพระเจ้า พระเจ้าเสด็จเยือนอับราฮัมใน ปฐมกาล 14:17-20 อย่างเมลคีเซเดค ปุโรหิตของพระเจ้าผู้สูงสุด “และเขาอวยพรเขา และกล่าวว่า สรรเสริญอับรามของพระเจ้าสูงสุด ผู้ครอบครองสวรรค์และโลก” เมลคีเซเดคคนนี้ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ไม่มีเชื้อสาย, เฮบ. 1:3- {ไม่มีการเริ่มต้นของวันหรือจุดสิ้นสุดของชีวิต แต่ทำเหมือนพระบุตรของพระเจ้า; ทรงดำรงพระสงฆ์อยู่เรื่อย ๆ} พระเจ้าเสด็จเยี่ยมอับราฮัมและรับประทานอาหารของอับราฮัมใต้ต้นไม้ ปฐก. 18:1-8 พระเจ้าอยู่ท่ามกลางมนุษย์เสมอ และเฉพาะผู้ที่เป็นที่โปรดปรานเท่านั้นที่สังเกตเห็นการประทับของพระองค์ เขาอาจจะอยู่ใกล้คุณ แต่คุณไม่ได้สนใจเขา
ฮีบ. 13:2 – อย่าลืมที่จะให้ความบันเทิงกับคนแปลกหน้า เพราะเหตุนี้บางคนจึงให้ความบันเทิงกับทูตสวรรค์โดยไม่รู้ตัว
พระเจ้าอาจเป็นหนึ่งในคนแปลกหน้าเหล่านั้นในชีวิตของคุณที่อาจมีสีผิวที่แตกต่างกัน ชนชั้นทางสังคม สกปรก ยากจน ป่วย ใครจะรู้ว่าพระองค์จะทรงอยู่ในรูปแบบใด สิ่งหนึ่งที่แน่ใจได้คือถ้าคุณดำเนินชีวิตในวิญญาณ คุณมีโอกาสที่จะสังเกตเห็นพระองค์
 พระเจ้าทำงานและพูดคุยกับชายคนนั้นที่โมเสส ชายคนนี้ไม่จำเป็นต้องแนะนำ เพราะเขาเป็นผู้รับใช้และผู้เผยพระวจนะที่พระเจ้าเคยนำลูกหลานของอิสราเอลออกจากการเป็นทาสในอียิปต์ พระเจ้าตรัสกับเขาโดยตรงด้วยคำพูดที่ชัดเจนและตอบคำถามจากโมเสสโดยตรง เช่นเดียวกับในการสนทนากับอับราฮัม ความสัมพันธ์นี้เป็นแบบไดนามิก โมเสสวางใจพระเจ้าในทุกวิถีทาง และโลกนี้ไม่ใช่ความพอใจของเขา ฮีบ. 11:27 อ่านว่า “โดยความเชื่อ พระองค์ทรงละทิ้งอียิปต์โดยไม่กลัวพระพิโรธของกษัตริย์ เพราะพระองค์ทรงทนอยู่เหมือนเห็นพระองค์ผู้ไม่ปรากฏแก่ตา”

คนเหล่านี้และคนอื่นๆ อีกหลายคนทำงานร่วมกับพระเจ้า บางคนรู้จักพระองค์ในฐานะพระเจ้า บางคนรู้จักพระองค์ว่าเป็นพระเจ้า แต่สำหรับโมเสสแล้ว พระองค์ทรงเรียกพระองค์เองว่าพระเยโฮวาห์ อับราฮัม อิสอัค และยาโคบไม่รู้จักพระองค์ในฐานะพระยาห์เวห์จนกระทั่งโมเสส อพยพ 6:2-3 และ "พระเจ้าตรัสกับโมเสสและตรัสกับเขาว่า "เราคือพระเจ้า และฉันปรากฏแก่อับราฮัม แก่อิสอัค และต่อยาโคบ ในพระนามของพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ แต่ในนามของเรา ข้าพเจ้าไม่รู้จักพระยาห์เวห์ แก่พวกเขา” ชายคนนี้โมเสสยิ่งใหญ่กับพระเจ้าจนเขาปล่อยให้เขารู้ความลับของเขา อ่านเฉลยธรรมบัญญัติ 18: 15-19 และเริ่มการศึกษาเปิดหูเปิดตา
(พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงตั้งผู้เผยพระวจนะขึ้นมาให้ท่านจากความชั่วร้ายของท่าน พี่น้องของท่านเหมือนข้าพเจ้า ท่านจงฟังเขา) พระเจ้าได้ทรงยืนยันในข้อ 18 เมื่อเขากล่าวว่า 'เราจะ' จะยกพวกเขาขึ้นเป็นผู้เผยพระวจนะจากบรรดาพี่น้องของพวกเขาเช่นเดียวกับเจ้า และจะใส่คำพูดของเราไว้ในปากของเขา และเขาจะพูดกับพวกเขาทั้งหมดที่ 'เรา' จะสั่งเขา
ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ตรัสกับอิสยาห์ว่า “ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าเองจะประทานหมายสำคัญแก่ท่าน ดูเถิด หญิงพรหมจารีจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย และจะเรียกชื่อเขาว่า อิมมานูเอล” คือ. 7:14. ในอิสานด้วย 9:6-7 กล่าวว่า "เพราะว่าพวกเรามีเด็กคนหนึ่งเกิดมา เพื่อพวกเราจะได้รับพระบุตร และชื่อของเขาจะเรียกว่าที่ปรึกษามหัศจรรย์ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระบิดานิรันดร์ องค์สันติราช" พระเจ้ายังอยู่ท่ามกลางมนุษย์ที่ชี้นำแผนแห่งยุคสมัยของพระองค์ พระเจ้าสัญญากับเอวา พงศ์พันธุ์ของเจ้า ปฐมกาล 3:14-15 แก่อับราฮัม พระเจ้าสัญญากับพงศ์พันธุ์เดียวกัน ปฐมกาล 15:4-17
แองเจิลกาเบรียลมาเพื่อประกาศให้แมรี่ทราบถึงแผนการของพระเจ้าและส่วนของเธอในแผนนั้น เมล็ดพันธุ์แห่งคำสัญญามาถึงแล้ว และคำพยากรณ์ทั้งหมดชี้ไปที่การบังเกิดของสาวพรหมจารี ลูกา 1:31-38: “และดูเถิด เจ้าจะตั้งครรภ์ในครรภ์และคลอดบุตร และจะเรียกพระนามของพระองค์ว่าเยซู พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จลงมาบนเจ้า และฤทธิ์เดชของผู้สูงสุดจะปกเจ้า – เขาจะเป็น เรียกว่าพระบุตรของพระเจ้า” ในลูกา 2:25-32 สิเมโอนโดยพระวิญญาณเข้ามาในพระวิหาร ณ การอุทิศของพระเยซู และเขากล่าวว่า “ตาของเราได้เห็นความรอดของพระองค์แล้ว” เพราะพระเจ้าคงทรงสัญญาว่าเขาจะได้เห็นพระเยซูก่อนที่เขาจะสิ้นพระชนม์ สิเมโอนเป็นชาวยิวพยากรณ์และกล่าวว่า “พระเยซูทรงเป็นความสว่างให้ความสว่างแก่คนต่างชาติ และสง่าราศีของอิสราเอลประชากรของพระองค์” คิดถึงอีฟ 2:11-22 “เพราะว่าท่านทั้งหลายอยู่โดยปราศจากพระคริสต์ โดยเป็นคนต่างด้าวจากเครือจักรภพแห่งอิสราเอล และเป็นผู้แปลกหน้าจากพันธสัญญาแห่งพระสัญญา ไม่มีความหวังและปราศจากพระเจ้าในโลกนี้

พระเยซูทรงเติบโตขึ้นและเริ่มงานรับใช้ของพระองค์ พระองค์ไม่ธรรมดา พวกรับบีสงสัยในคำสอนของพระองค์ คนธรรมดาทั่วไปก็โอบกอดพระองค์ด้วยความยินดี เขามีความเมตตากรุณามีความรักและความหวาดกลัวต่อความตายและปีศาจ แต่คนเคร่งศาสนาและมารวางแผนจะฆ่าพระองค์โดยไม่รู้ว่าพวกเขากำลังรับใช้พระเจ้า นี่คือพระวจนะที่กลายเป็นเนื้อหนังและดำรงอยู่ท่ามกลางประชากรของพระองค์ ยอห์น 1:14 และข้อ 26 กล่าวว่า “แต่มีคนหนึ่งในพวกท่านซึ่งพวกท่านไม่รู้จัก” โปรดจำไว้ว่าใน Deut 18 ที่พระเจ้าและโมเสสตรัสว่าพระเจ้าจะทรงตั้งผู้เผยพระวจนะขึ้นมาจากท่ามกลางท่านท่ามกลางพี่น้องของท่าน เขาจะพูดเฉพาะสิ่งที่พระเจ้าบอกเขาเท่านั้น นี่คือพงศ์พันธุ์และผู้เผยพระวจนะที่จะมาถึง

ในยอห์น 1:30 ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเปิดเผยว่า “พระองค์เป็นผู้ที่เรากล่าวถึงพระองค์นี้ ภายหลังเรามาถึงชายผู้หนึ่งซึ่งเหนือกว่าเราเพราะเขามาก่อนเรา” และในข้อที่ว่า “พระองค์ตรัสว่า ดูเถิด ลูกแกะของพระเจ้า” ขณะที่เขาเห็นพระเยซูทรงเดินผ่านมา อันดรูว์เป็นสาวกของยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา และเมื่อเขาให้ยอห์นแสดงความคิดเห็นนั้น เขากับสาวกอีกคนหนึ่งติดตามพระเยซู พวกเขาตามพระองค์ไปยังที่ประทับของพระองค์ ลองนึกภาพการใช้เวลาทั้งวันกับพระเจ้าเป็นครั้งแรกหลังจากคำให้การของยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา หลังจากการเผชิญหน้าครั้งนี้ แอนดรูว์ยืนยันกับปีเตอร์น้องชายของเขาว่าเขาได้พบพระเมสสิยาห์แล้ว สองคนนี้จริงจังและเชื่อในสิ่งที่พวกเขาเห็นและได้ยินมาเยี่ยมเยียนพระเยซูและประจักษ์พยานของยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์

020 – พระเจ้าอยู่กับมนุษย์เสมอ